ประเมินอนาคตการท่องเที่ยวในช่วงยุคของไวรัสโคโรน่า

×

ข้อความผิดพลาด

Notice: Undefined offset: 0 ใน eval() (บรรทัด 52 ของ /srv/www/dev.phanganist.com/public_html/modules/php/php.module(80) : eval()'d code)

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้มีไวรัสโคโรน่าที่มาจากประเทศจีน เชื้อโรคได้กระจัดกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ หลายๆประเทศ จนกระทั่งไปยังทั่วโลก 

โรคระบาดที่เกิดขึ้นนี้นับได้ว่า เป็นโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเรา เป็นสิ่งที่พวกเราควรรู้และพึงระวัง

ตอนนี้พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ค้นหาวิธีหลายๆทางที่ปลอดภัย ซึ่งการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพวกเรา

tourism

เดือนมกราคม ไวรัสโคโนน่าทำลายอุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยว มากกว่า 113,000 เที่ยวบินทั่วโลก

ในขณะเดียวกันเดือนเมษายนนี้ ลดลงอยู่ที่ 27,000
นี้รวมถึงอุปกรณ์ฉุกเฉิน การขนส่งสินค้า และการโดยสาร 
ในเดือนสุดท้ายของเดือนมีนาคมมีการลดลงถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

ทุกประเทศในขณะนี้ต้องการตรวจสอบว่า พวกเราไม่ได้มีเชื้อไวรัส พวกเราต้องการหยุดไวรัส จึงจำเป็นต้องหยุดการเดินทางหรือจำกัดเที่ยวบิน ซึ่งประเทศที่มีผู้นิยมท่องเที่ยว อาจจะต้องหมดหวังกับรายได้ที่จะเข้ามาจากนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ทั้งพวกเราก็ห่วงกับไวรัสที่จะเข้ามาระบาดในพื้นที่ของพวกเราด้วยเช่นกัน

 

เมื่อไหร่เราจะได้บินกลับ?

คาดเดาได้ว่าประมาณเดือนกรกฎาคม หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกนักธุรกิจ ก็น่าจะเริ่มกลับมาเริ่มเดินทางทำงาน ประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมเราจะเริ่มได้เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาบ้าง

สถานการณ์ที่ดีที่กล่าวมาทั้งหมด ได้รับผลตอบแทนประมาณ 30-50% ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับในรอบเดือนกันยายน

THE WHO (องค์การอนามัยโลก) ต่อต้านการปิดเมืองเป็นเวลานาน พวกเขากล่าวว่า… ตอนนี้ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเที่ยวบินเพื่อป้องกันเชื้อโรค เนื่องจากพวกเขามีผลกระทบน้อยกว่าพวกคุณ นี่คือมุมมองของผู้โดยสาร

 

พวกเราจะออกเดินทางได้ที่ไหนกัน? 

การฟื้นตัวขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเดินทางไปยังประเทศนั้น ค่อยๆเริ่มจากสถานที่ที่มีคนติดเชื้อน้อยที่สุด 

ซีกโลกเหนือเช่น ทวีปยุโรป มีปัญหาระบาดของเชื้อเชื้อโรคมากที่สุด 
ซีกโลกใต้ เช่น ทวีปเอเชีย ที่มีปัญหาน้อยกว่า อาจได้รับความนิยมมากขึ้น

ผู้โดยสารมักจะนิยมเดินทางไปยังประเทศที่ได้รับการตรวจสอบสุขอนามัยอย่างถูกต้อง ทำให้รู้สึกมั่นใจและปลอดภัย นอกจากนี้การยังไปประเทศนั้น หากมีความจำเป็นต้องดูแลเรื่องสุขภาพ ความสามารถในการรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญ

ไม่กี่สัปดาห์มานี้ผู้ว่างงานหลายล้านคนทั้งประเทศ จำเป็นต้องหยุดงาน และธุรกิจหลายๆแห่ง ถึงกับต้องปิดบริษัทลง เนื่องจากไม่มีเงินเดือนจ่ายค่าแรงงาน 
ในความเป็นจริง เมื่อเราจะหยุดงานแล้วไปเที่ยวพักผ่อน มันก็คงเป็นเรื่องธรรมดา แต่...เมื่อไม่มีรายได้เข้ามาเราสามารถจ่ายได้หรือ?

tourism

เราจะกลับไปบินหรือ?

หลังจากที่พวกเราได้กักตัวอยู่ที่บ้านของพวกเรา พวกเราพยายามจะกลับไปหารายได้ จากที่หยุดพักมานาน สำหรับที่อยู่ต่างถิ่น ก็จะได้ใช้ช่วงเวลากลับบ้านไปหาครอบครัว 
แบบจำลองเศรษฐกิจแม็คโคร แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจการท่องเที่ยว ผู้คนจะกลับมาชดเชย หลังจากเกิดโรคระบาดเหล่านี้

 

จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าใช้จ่ายของเที่ยวบิน?

บริษัทการบินทุกแห่งจะลดต้นทุนค่าแรงลง น้ำมันตอนนี้ราคาถูกมาก และในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอนาคต แต่ในสำหรับตอนนี้ บริษัทต่อบริษัทนึงอยู่ในจุดต่ำสุด ประมาณ 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล

อาจเป็นไปได้ว่าราคาอาจจะไม่มีการเพิ่มขึ้น บริษัททางการบินจะขายตั๋วเดินทางในราคาที่ถูกมาก เพื่อสร้างงบประมาณในช่วงแรก เราเห็นได้ไปเที่ยวบินราคาถูกลง ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจทางการบินยังพอสร้างกำไรได้บ้าง
ในอนาคตอันใกล้นี้ ประสบการณ์ทางการบินในต่างประเทศจะเปลี่ยนไป เริ่มจากการใช้เอกสารที่ต้องนำไปตรวจสอบก่อน-หลัง และประสบการณ์การทางบินเองเช่นกัน
 

จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างในการใช้เที่ยวบิน? 
 

เครื่องบินจะถูกฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฏระเบียบในการบิน และการใส่กากอนามัยก็เช่นกัน

ปัญหาหลักสำหรับเที่ยวบินที่มีเสี่ยงต่อการติดเชื้อคือเที่ยวบินที่มีระยะทางที่นาน การอยู่เฉพาะในเครื่องมีความปลอดภัยน้อยกว่า ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอีกประเด็นนึงคือพวกเขาอาจจะไม่บรรจุจำนวนคนมากในช่วงแรก บางคนแนะนำให้นั่งเก้าอี้ว่างเว้นห่างระหว่างกัน มันอาจจะยากที่จะทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากต่อเที่ยวบิน 

ประกันการเดินทางก็จะเปลี่ยนไป ความเป็นไปได้อย่างนึงคือ มันจะไม่ครอบคลุมโควิท มันอาจจะเป็นราคาเช่นกันเดิมหรืออาจราคาสูงขึ้นก็เป็นได้

คำถามในการบินจะเปลี่ยนไป หากคุณจัดกระเป๋าด้วยตัวเอง อาจจะมีคำถามที่เกี่ยวข้องเช่น “คุณไปไหนมา คุณอยู่กับใคร ก่อนหน้านี้” คำถามนี้อาจเกี่ยวกับอาการป่วย บางทีพวกเขาจำเป็นต้องตรวจวัดไข้ก่อน อาจมีการขอเอกสารพิสูจน์การตรวจเชื้อไวรัสว่าคุณปลอดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง บางทีพวกเขาอาจสร้างห้องแยกกักตัว สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ไม่เกณฑ์เสี่ยงนี้
 

กระบวนการทดสอบจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร? 

อาจมีการทดสอบและการฆ่าเชื้อโรคมากขึ้นในอาคารผู้โดยสารสนามบินและบนเครื่องบิน หลังจากวันที่ 11 กันยายนไม่มีใครเชื่อว่าเราจะต้องผ่านการทดสอบและตรวจสอบอย่างละเอียดเมื่อได้เดินทาง มันจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ เราควรจำเป็นที่จะต้องทำความคุ้นชินกับมัน กับวิธีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นนี้

เมื่อคุณได้ไปตรวจไข้ถามอาการมาแล้ว อาจไม่ชัดเจนพอ เพราะน้อยกว่าครึ่งที่ได้ติดเชื้อคือคนที่ไม่มีไข้ ยกตัวอย่าง... เหมือนกับคนที่ตรวจหนังสือเดินทาง พวกเขาไม่ได้ทำงานให้สนามบิน แต่พวกเขาทำงานให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อย่างนั้น... ไวรัสก็เช่นกัน พวกเขาจะนำจากศูนย์สุขภาพแผนกพิเศษเพื่อตรวจสอบการวัดผลนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กระบวนการเข้าประเทศจะใช้เวลาที่นานขึ้น อาจจะใช้เวลาสักครู่ในการเช็คอินและเช็คเอาท์ 
ส่วนในการขอวีซ่าคุณจำเป็นต้องทำการทดสอบ บางทีพวกเขาอาจพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำลาย 
ในทางกลับกัน สิ่งที่มีการตรวจทดสอบมากเกินไป มันจะเกิดความวุ่นวายในการบินขึ้น มันก็ยากที่จะกลับไปสู่ภาวะปกติ และผู้คนอาจจะไม่บินกัน

บริษัทการบินทั่วโลกได้สูญเสียเงินจำนวนมาก จากต้นทุนที่ต่ำไปสู่บริษัทใหญ่ เครื่องบินใหม่จำนวนมากที่เพิ่งซื้อมาตอนนี้ยังคงอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะนำมาใช้จ่าย 1% ของผู้ดูแลนักบินเป็นนับแสน 

พวกช่างซ่อมกำลังว่างงานตอนนี้ สถานีที่เพิ่งทำเสร็จเพื่อเปิดตัวนำผู้โดยสารใช้การบินตอนนี้ก็ว่างเปล่า 

การแข่งขันเกี่ยวกับการบินเปิดโล่ง เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวมีราคาที่ไม่แพงสำหรับพวกเขาทุกคน 

สองสิ่งเพื่อความอยู่รอด จะทำให้มันเกิดขึ้น และในเรื่องของบริษัท พวกเขาจะไม่ยุบมัน ในขณะที่สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น คนที่ฉลาดและคนประหยัดที่รู้จักใช้เงินจึงมีโอกาสมากกว่า
ประการที่สองคือราคาถูกแค่ไหน ที่คุณสามารถเริ่มระบบใหม่อีกครั้ง สายการบินต้นทุนต่ำมีโอกาสรอดสูงกว่าสายการบินที่มีระดับ ต้นทุนที่ต่ำจะสูญเสียเงินน้อยกว่า
รัฐบาลจำเป็นต้องให้การสนับสนุน บริษัท สายการบิน 

การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น เมื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ลองย้อนกลับไปดูอัมบัมภาพถ่ายของคุณอีกครั้งที่อยู่กลางใจเมืองนิวยอร์กไทม์สแควร์ , หอไอเฟลในกรุงปารีส , ปาร์ตี้ฟูลมูลบนเกาะพะงัน 
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มั่นใจว่าอาจใช้เวลานาน? 
นักมองโลกในแง่ดีบอกใช้เวลาแค่2ปี? นักมองโรคในแง่ลบบอกใช้เวลา3ปี? ไม่มีใครรู้...  
หวังว่าทุกเที่ยวบินจะถูกกลับไปเหมือนเดิม 100% และสถานีที่ทุกที่ก็ตามเริ่มไม่ว่าง เหมือนในแบบสมัยที่เคยเป็นมา...